วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ ล้มเหลว ในการทำ Affiliate Marketing

เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ ล้มเหลว ในการทำ Affiliate Marketing

Winners-and-Losers
บทความนี้ จะกล่าวถึง สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่นั้นล้มเหลว (95% จากจำนวนทั้งหมด) ในการทำ Internet Marketing และ Make Money Online ครับ ซึ่งผู้เขียนคือ  Peter2002 เขียนไว้ตั้งแต่ 02-03-2010 ที่BlackHatWorld ซึ่งผม Meaw-IE เป็นผู้แปลและเรียบเรียงให้อ่านง่ายขึ้น อ่านเพื่อเตือนใจตัวเอง ป้องกันตนเองจากสิ่งที่เรียกว่า ความล้มเหลว ครับ
เรื่องน่าเศร้ามากกว่าการที่ 95% ของคนที่เป็น Internet Marketer นั้นล้มเหลว ก็คือ การที่คุณเป็น 1 ในนั้นด้วยเช่นกัน แท้จริงแล้วคนเหล่านั้นไม่ได้ล้มเหลว เพราะ ล้มเหลว ในสิ่งที่ทำครับ แต่เป็นเพราะคนเหล่านั้น 1. ใช้เงินมากเกินไปในการเริ่มต้น และ  2. มีทัศนคติที่ไม่ส่งเสริมต่อการประสบความสำเร็จในการทำ Internet Marketing
failure-success-road
น่าแปลกใจมากที่ตัวเลข 95% ที่กล่าวมานั้นกลับตรงกันข้าม กับ ความจริงที่ว่า คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ ทีมีหนังสือเทคนิคจากกูรู มีอีบุ๊คมากมายสะสมไว้ในเครื่อง มี Video เคยเข้าคอร์สอบรมสัมนาต่างๆ หรือ เป็นสมาชิกWebboard แบบเสียค่าสมาชิกหลายแห่ง น่าแปลกที่มีสินค้ามากมายที่โฆษณาว่าความรู้หรือสินค้าที่กำลังนำเสนอนั้นสามารถทำให้ผู้ซื้อสินค้า กลายเป็นผู้ประสบผลสำเร็จในตลาดนั้นๆ (อ่าน Ebooks ดู Video แล้วกลายเป็นเทพได้) (โดยที่ลืมไปว่า ความรู้และคำแนะนำดีๆมากมายนั้น มีอยู่ฟรีใน Webboard BHW หรือ Thaiseoboard อยู่แล้ว)
คน 95% ดังกล่าวมักจะมีลักษณะดังนี้ (คุณเป็นแบบนี้ด้วยรึปล่าว?)
  • ประเภทที่ 1 ในแต่ละวัน มาคอยนั่งเฝ้าบอร์ด รอจะอ่านว่าจะมี แนวทาง มีเทคนิคใหม่ๆ จากคนที่ใช้เครื่องมือ หรือ ได้อ่าน Ebooks เดียวกับที่คุณมี
  • ประเภทที่ 2 ซื้อทุกอย่าง มีสินค้าอะไรออกใหม่ กระแสแนวโน้มไปในทิศทางไหนก็จะลงทุนไปกับเครื่องมือที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับแนวโน้มนั้นทันที แต่ ซื้อกอง มาดองไว้ ทุกครั้งที่มีคนคุยกันเรื่องเครื่องมืออะไร ก็จะบอกได้ทันที่ว่า “กูก็มี พี่ก็ซื้อ” ซื้อมาดองซื้อมาเพื่อ???
  • ประเภทที่ 3 มีรายได้ในระดับหนึ่ง อาจจะเคยได้เช็ค มาซัก 4-5 ครั้ง แต่รายได้ ที่คาดหวังจริงๆ มันสูงกว่านี้มาก ที่ได้มามันไม่ใช่ตามที่คิด แต่พยายามเท่าไหร่แต่ข้ามไม่พ้นระดับที่ว่านี้ซักที เช่น วันละ 5$ 10$ นานทีจะได้ 20$ แต่ไม่เคยมากไปกว่านั้นเลย มันจึงเป็นได้แค่รายได้เสริมให้กับคุณเท่านั้น
positive-thinking
สาเหตุหลักๆ ของความล้มเหลวอย่างที่ 2  ทัศนคติที่ไม่ส่งเสริมต่อการประสบความสำเร็จ ของคนส่วนใหญ่เกิดจากอะไร ? ส่วนใหญ่มันเกิดจากสิ่งที่เรียกได้อีกอย่างว่า Missing Link ครับ มันคือ “การสร้างความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ หรือ สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือ จับเอาสิ่งที่แท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกันเลยมาเกี่ยวข้องกันนั่นเอง กลายเป็น พันธนาการฉุดรั้งทุกอย่างในชีวิต ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่มีอยู่จริง” อะไรนะ งง??? อธิบายด้วยตัวอย่างดีกว่าครับ
ลูกช้าง
คุณทำตัวแบบช้างอยู่รึปล่าว??? ให้นึกถึงช้างครับ คือ ช้างป่านั้นตอนมันยังเล็กเป็นลูกช้างอยู่ ควาญช้างไปจับมันมาจากป่าแล้วก็ใช้เชื่อกผูกมันไว้กับเสาไม้ (เชือกคือ link ทีมีอยู่จริงครับ) มันพยายามหนีกลับเข้าป่า ครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามเพื่อจะดึงเชื่อกให้ขาดแต่เพราะมันตัวเล็กจึงไม่สามารถที่จะดึงเชื่อกให้ขาดได้ มันเจ็บปวดจากการดึงเชือกทุกครั้ง จนกาลเวลาผ่านไป มันกลายเป็นช้างโตเต็มวัน มีกำลังมากขึ้นทำ ดึงเชือกให้ขาดได้สบายมาก แต่ก็เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่เคยเลยที่จะเกิดขึ้น จากการสอบถามควาญช้างมากมายกรณีที่ช้างที่ถูกเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ ดึงเชือกขาดแล้วหนีไปนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะช้างมันชินกับความล้มเหลวและเลิกพยายามไงครับ (เกิด missing link คือ “อดีตไม่สามารถดึงเชื่อกให้ขาดได้ ดังนั้นปัจจุบันก็ไม่น่าจะสามารถดึงเชือกให้ขาดได้เหมือนเช่นอดีต ทั้งๆที่ สองเหตุการณ์ไม่ไ้ด้เกี่ยวข้องกันเลย กลายเป็นพันธนาการที่ไม่มีอยู่จริงนั่นเอง” เชือกที่ผูกมันไว้ไม่ใช่เชือกที่ล่ามขามัน แต่เป็นเชือกเส้นที่ล่ามจิตใจมันไว้ = ความล้มเหลวในอดีตของมันต่างหากหละ) มันเชื่อว่ามันไม่มีทางดึงเชือกขาดได้ เพราะตอนมันตัวเล็กมันก็เฝ้าพยายามที่จะดึงเชือกตลอดเวลาแต่ก็ไม่เป็นผล จนมันยอมแพ้ และ กลายเป็นยอมรับที่จะเชื่อว่าไม่มีวันที่มันจะดึงเชือกให้ขาดได้ the elephants’ limits are not real, but exist only in their mind กาลเวลาผ่านไปข้อจำกัดของช้างตัวนั้นเปลี่ยนไป มันแข็งแรงกว่าี่มันคิดมาก แต่ใจที่เลือกจะยอมแพ้ทำให้มันไม่แม้แต่จะดึงเชือกที่แสนจะขาดง่ายดายด้วยกำลังที่มันมี ทั้งที่ใจมันอยากหนีกลับเข้าป่าตลอดเวลา
ช้างโต
คำถามคือแล้วเราจะป้องกันไม่ให้เกิด missing link นี้ยังไง
  • ฝึกเป็นคนโง่อยู่ตลอดเวลา นั่นคือ ต้องอย่าคิดว่าเราฉลาดแล้ว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ มองหาทางที่จะทำสิ่งเดิมๆ ที่เราทำอยู่ให้ดีขึ้นเสมอ ทำตัวให้โง่อยู่เสมอเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  • ฝึกตัวเองให้เป็นคนประสบความสำเร็จ คือ มองว่าสิ่งที่เราทำตรงหน้า สิ่งที่เราเพิ่งทำไป แม้สำหรับคนอื่นมันอาจจะเล็กน้อย แต่ถ้ามันเป็นความก้าวหน้าเล็กๆ ของเราก็สามารถมองว่ามันประสบความสำเร็จแล้วได้ เช่น วันแรกคุณวิ่งได้ 1 รอบสนามแล้วเหนื่อยวิ่งไม่ไหว พรุ่งนี้คุณมาวิ่งอีก แล้ววิ่งไม่ไหวเมื่อผ่านรอบแรกไป 10 เมตร ระยะทางแค่ 10 เมตรที่เกิดขึ้นมานี้ ก็ถือได้ว่าคุณประสบความสำเร็จแล้ว เมื่อเทียบกับเมื่อวาน เพราะสิ่งที่คุณหวังตอนออกมาวิ่ง คือ วิ่งให้ได้อย่างน้อยเท่ากับเมื่อวาน ^___^ สิ่งที่เราทำเต็มที่แล้ว คือ ความประสบผลสำเร็จแล้วของตัวเรา
  • ขยับเป้าหมายให้สูงขึ้นทุกครั้ง อย่าพอใจกับผลลัพธ์เท่าเดิม ครั้งก่อนได้กำไร 5% ครั้งต่อไป ขอซัก 7% ค่อยๆ ขยับเป้าหมายไปเรื่อยๆ เมื่อทำได้ก็มีความสุขกับมัน และ เพิ่มเป้าหมายต่อไป
  • อย่ายอมแพ้อะไร ก่อนที่จะได้ลองพยายามเต็มที่ ตัวอย่างเรื่องช้างด้านบนทำให้เห็นได้ชัดเลย เรื่องการยอมแพ้!
  • ต้องฝึกมีเหตุ มีผลครับ คนที่มีเหตุมีผลจะมีโอกาสน้อยมากกว่าที่จะสร้าง missing link ขึ้นมา เพราะเค้าเข้าใจว่า อะไรที่มันเกี่ยวข้องกัน หรือ ไม่เกี่ยวข้องกัน รู้จักแยกแยะ เหตุการณ์ในอดีตกับเหตุการณ์ปัจจุบันว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือไม่
Missing link ทัศนะคติแย่ๆ ที่เป็นตัวฉุดรั้งคุณไม่ให้เดินต่อไป ให้คุณติดอยู่กับเสาต้นเดิมที่ชื่อความความล้มเหลวครั้งเก่า สภาพจิตใจของคุณนั่นหละครับ ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวในการสร้างธุรกิจออนไลน์ของคุณ ซึ่งมันสามารถป้องกันได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ทัศนคติที่ดี มาดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ ว่า ทัศนคติที่ดีนั้น เป็นอย่างไร
Basic CMYK
มี Affiliate Marketer คนนึง ที่ทำการโปรโมตสินค้า Ebook วิธีลดน้ำหนัก ของ ClickBank.Com (โดนหม้อข้าวใครขอโทษด้วย) ด้วยวิธี Email Marketing โดยที่ มี รายชื่อ Email List ที่พร้อมที่จะส่งข้อมูลสินค้าไปเสนอขาย เอาหละครับ สมมุติ อีเมลย์ ถูกส่งออกไปแล้ว!! หนึ่งวันผ่านไปไวเหมือนโกหก Affiliate Marketer ก็ Log-in เข้าไปเช็คยอดขาย ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดจากการมีสภาพจิตใจทั้งสองแบบจะเป็นดังนี้
1. สภาพจิตใจเชิงลบ Negative Thinking จะทำให้เกิดความคิดหลังจากเห็นผลลัพธ์ในแง่ลบ เช่น
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผลลัพธ์ถึงเป็นแบบนี้”
“ทำไมคนอื่น ๆ ทำได้ดีในการทำตลาดสินค้าตัวนี้”
“บางทีฉันอาจจะไม่ดีพอที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักการตลาดอินเทอร์เน็ต”
“หรือบางทีนักการตลาดคนอื่น ๆ อาจจะมี Email List ที่ดีกว่านี้”
“บางทีผู้เชี่ยวชาญอาจจะพูดถูกที่บอกว่าตลอาดที่ฉันกำลังทำอยู่นั้นยากเกินความที่มือใหม่จะเข้ามาแข่งขันได้”
“เหตุผลอีกมากมายแล้วแต่สมองที่มองในแง่ลบของคุณจะสร้างมันออกมาได้”
2. สภาพจิตใจเชิงลบบวก Positive Thinking จะทำให้เกิดความคิดหลังจากเห็นผลลัพธ์ในแง่บวก เช่น
“ออเดอร์น้อยกว่าที่คาดหวังนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าขายไม่ได้”
“แค่นี้ก็รู้สึกดีมากๆ อยากแชร์ อยากเล่าให้คนอื่นฟังจริงๆ”
“เป็นประสบที่ดีที่อยากเล่าให้คนอื่นฟังจริงๆ”
“หาสินค้าใหม่ที่ดีกว่าตัวนี้มาทำอีกดีกว่า”
thinking
สมมุติ ในสัปดาห์ต่อมา ถ้ามีโอกาสใหม่ๆเข้ามาหาคุณ เช่น มีสินค้าที่ดีมากๆตัวนึงเกิดขึ้น
1. ถ้าคุณเป็น คนประเภท 1 สภาพจิตใจเชิงลบ Negative Thinking คุณจะไม่รู้สึกกระตือรือร้น ตื่นเต้น แต่ จะกังวลกับโอกาสที่เข้ามานี้ (มันจะขายได้จริงเหรอ? เอาไงดีวะ ประมาณว่ายังผิดหวังอยู่ไงครับ) แต่คุณก็จะยังคงจะทำการโปรโมทสินค้าตัวนี้ หลังจากคุณปล่อยโฆษณาของคุณออกไป แล้ว ถ้าปรากฎว่าไม่สามารถขายสินค้าได้เลย จากที่ครั้งแรก คุณผิดหวังไปแล้ว 1 ครั้ง มาเจอครั้งที่ 2 แบบนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้คุณจะยิ่งสงสัยในตัวเองมากยิ่งขึ้น คุณจะรู้สึกว่าคุณค่อยๆ ล้มเหลว เหตุผลต่างๆ เริ่มถูกสร้างขึ้นมาหลอกตัวเอง เช่น Mailing List ของเรามันไม่ดี หรือ เราเข้ามาในตลาดของคุณสายเกินไปที่จะทำกำไรในตลาดนี้ นั่นหละครับ สิ่งเลวร้ายที่สุด ได้เกิดขึ้นกับคุณแล้ว!
เมื่อผิดหวัง พลาดหวัง คนที่ระบบความเชื่อ มีสภาพจิตใจเชิงลบอยู่แล้วจะยิ่งลบไปอีก! (ประเด็นตรงนี้ก็ คือ มันแน่นอนว่าทุกคนต้องผิดหวัง หรือ ทำอะไรแล้วไม่ได้ดังหวัง ผิดพลาดในบางครั้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณเป็นพวกมองโลกในแง่ลบ ทุกๆ ครั้งที่ผิดหวัง ความคิดแง่ลบมันจะยิ่งทำให้ ทุกอย่างของคุณแย่ลง ตรงข้ามกับ ความคิดแง่บวก ที่มันมีแต่จะช่วยคุณ ช่วยให้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมในกรณีที่ผิดหวัง ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่ว่าจะพลาดกี่ครั้งก็จะไม่แย่ลงมีแต่เท่าเดิม) ซึ่งเมื่อผิดหวัง ซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ ความคิดแง่ลบ จะพาคุณไปถึงจุดๆ นึง จุดที่เลิกพยายาม จุดที่เลิกสู้ ใช่ครับ จุดที่คุณกลายเป็นช้างตัวที่ได้อ่านผ่านมาแล้วนั่นเอง ความเชื่อในทางลบที่เกิดขึ้นนี้ เป็นอันตรายต่อคุณอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะพยายามหนักเพียงใด มันก็จะดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
PositiveThinkings
2. ถ้าคุณเป็น คนประเภทีที่ 2 สภาพจิตใจเชิงบวก Positive Thinking หละก็ มีสินค้าออกใหม่เหรอ คุณจะรู้สึกดีใจ และ จะเริ่มเตรียมแคมเปญโฆษณาของคุณอย่างดี เพื่อใช้ในการทำกำไร คุณจะรู้สึกมีแรงกระตุ้นในการทำงาน คุณคาดหวังแค่เพียงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หลักจาก ส่งอีเมลย์ไปแล้ว ถ้าเกิดไม่ได้ดังหวัง ความคิดแง่บวกก็จะช่วยให้คุณรอดจากการแย่ลงไปได้  (ไม่เป็นไรลองวิเคราะห์ดูสาเหตุใหม่อีกทีแล้วลองเริ่มใหม่) แต่ถ้าเกิด คุณทำได้ซัก 4 sale ในรอบนี้ คุณรู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆ ความเชื่อมั่นคุณเพิ่มสูงปรี๊ด สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความมั่นใจที่เกิดขึ้นนี้ และ ทัศนคติแง่บวก ที่ดีของคุณจะช่วยส่งเสริมคุณต่อไปในอาคต (เพราะมันไม่มีใครล้มเหลวในการทำอะไรทุกครั้งไงครับ คนคิดบวกพอทำสำเร็จทีนึงนี่ ใจมันจะมาเลยนะ คือมาเต็ม มือขึ้นว่าง่ายๆ นึกถึงนักฟุตบอลช่วงไหนใจมา ยิงยังไงก็เข้า ช่วงไหนขาดความมั่นใจ หน้าประตูจ่อๆ ก็ทำไม่ได้) จากช่วงเวลานี้คุณอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ในเรื่อง Email Marketing เท่านั้น แต่ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ความเชื่อที่เป็นบวกของคุณ จะช่วยให้คุณค่อยๆเพิ่มผลกำไรขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่ทำธุรกิจ
success_man
จงจำให้ขึ้นใจว่า
ทัศนคติที่ดี คือ สภาพจิตใจเชิงบวกนั่นเอง สภาพจิตใจสภาพจิตใจเชิงลบ มีแต่ทำให้แย่ลงไปเรื่อยๆ เพราะถ้าตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ สภาพจิตใจแย่ หากคุณเริ่มลงมือทำอะไรใหม่ๆ ในช่วงที่อารมณ์เป็นแบบนี้ โอกาสจะได้ผลออกมาแย่มีสูงมากๆ มันยากมากที่จะประสบความสำเร็จด้วยการเป็นคนทีมี ทัศนคติด้านลบอยู่ตลอด จำไว้ว่า สภาพจิตใจเชิงบวก มีแต่จะทำให้คุณเท่าทุน กับ กำไร ไม่มีวันแย่ลง มันจะพาคุณไปสู่สิ่งที่หวัง และ ฉุดคุณให้ลุกเมื่อผิดหวังได้เสมอ
การคิดบวก นั้น ง่ายพอๆ กับการคิดลบ นั่นหละครับ ^___^ เราสามารถฝึกนิสัยเราให้เป็นคนคิดบวกได้ ความสำเร็จที่แท้จริง มีจุดเริ่มต้นจากในความคิดของคุณเอง เหมือนคำพูดที่ว่า “ไม่ว่าคุณคิดว่าคุณทำได้หรือทำไม่ได้ คุณคิดถูกเสมอ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น