วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ ล้มเหลว ในการทำ Affiliate Marketing

เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ ล้มเหลว ในการทำ Affiliate Marketing

Winners-and-Losers
บทความนี้ จะกล่าวถึง สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่นั้นล้มเหลว (95% จากจำนวนทั้งหมด) ในการทำ Internet Marketing และ Make Money Online ครับ ซึ่งผู้เขียนคือ  Peter2002 เขียนไว้ตั้งแต่ 02-03-2010 ที่BlackHatWorld ซึ่งผม Meaw-IE เป็นผู้แปลและเรียบเรียงให้อ่านง่ายขึ้น อ่านเพื่อเตือนใจตัวเอง ป้องกันตนเองจากสิ่งที่เรียกว่า ความล้มเหลว ครับ
เรื่องน่าเศร้ามากกว่าการที่ 95% ของคนที่เป็น Internet Marketer นั้นล้มเหลว ก็คือ การที่คุณเป็น 1 ในนั้นด้วยเช่นกัน แท้จริงแล้วคนเหล่านั้นไม่ได้ล้มเหลว เพราะ ล้มเหลว ในสิ่งที่ทำครับ แต่เป็นเพราะคนเหล่านั้น 1. ใช้เงินมากเกินไปในการเริ่มต้น และ  2. มีทัศนคติที่ไม่ส่งเสริมต่อการประสบความสำเร็จในการทำ Internet Marketing
failure-success-road
น่าแปลกใจมากที่ตัวเลข 95% ที่กล่าวมานั้นกลับตรงกันข้าม กับ ความจริงที่ว่า คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ ทีมีหนังสือเทคนิคจากกูรู มีอีบุ๊คมากมายสะสมไว้ในเครื่อง มี Video เคยเข้าคอร์สอบรมสัมนาต่างๆ หรือ เป็นสมาชิกWebboard แบบเสียค่าสมาชิกหลายแห่ง น่าแปลกที่มีสินค้ามากมายที่โฆษณาว่าความรู้หรือสินค้าที่กำลังนำเสนอนั้นสามารถทำให้ผู้ซื้อสินค้า กลายเป็นผู้ประสบผลสำเร็จในตลาดนั้นๆ (อ่าน Ebooks ดู Video แล้วกลายเป็นเทพได้) (โดยที่ลืมไปว่า ความรู้และคำแนะนำดีๆมากมายนั้น มีอยู่ฟรีใน Webboard BHW หรือ Thaiseoboard อยู่แล้ว)
คน 95% ดังกล่าวมักจะมีลักษณะดังนี้ (คุณเป็นแบบนี้ด้วยรึปล่าว?)
  • ประเภทที่ 1 ในแต่ละวัน มาคอยนั่งเฝ้าบอร์ด รอจะอ่านว่าจะมี แนวทาง มีเทคนิคใหม่ๆ จากคนที่ใช้เครื่องมือ หรือ ได้อ่าน Ebooks เดียวกับที่คุณมี
  • ประเภทที่ 2 ซื้อทุกอย่าง มีสินค้าอะไรออกใหม่ กระแสแนวโน้มไปในทิศทางไหนก็จะลงทุนไปกับเครื่องมือที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับแนวโน้มนั้นทันที แต่ ซื้อกอง มาดองไว้ ทุกครั้งที่มีคนคุยกันเรื่องเครื่องมืออะไร ก็จะบอกได้ทันที่ว่า “กูก็มี พี่ก็ซื้อ” ซื้อมาดองซื้อมาเพื่อ???
  • ประเภทที่ 3 มีรายได้ในระดับหนึ่ง อาจจะเคยได้เช็ค มาซัก 4-5 ครั้ง แต่รายได้ ที่คาดหวังจริงๆ มันสูงกว่านี้มาก ที่ได้มามันไม่ใช่ตามที่คิด แต่พยายามเท่าไหร่แต่ข้ามไม่พ้นระดับที่ว่านี้ซักที เช่น วันละ 5$ 10$ นานทีจะได้ 20$ แต่ไม่เคยมากไปกว่านั้นเลย มันจึงเป็นได้แค่รายได้เสริมให้กับคุณเท่านั้น
positive-thinking
สาเหตุหลักๆ ของความล้มเหลวอย่างที่ 2  ทัศนคติที่ไม่ส่งเสริมต่อการประสบความสำเร็จ ของคนส่วนใหญ่เกิดจากอะไร ? ส่วนใหญ่มันเกิดจากสิ่งที่เรียกได้อีกอย่างว่า Missing Link ครับ มันคือ “การสร้างความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ หรือ สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือ จับเอาสิ่งที่แท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกันเลยมาเกี่ยวข้องกันนั่นเอง กลายเป็น พันธนาการฉุดรั้งทุกอย่างในชีวิต ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่มีอยู่จริง” อะไรนะ งง??? อธิบายด้วยตัวอย่างดีกว่าครับ
ลูกช้าง
คุณทำตัวแบบช้างอยู่รึปล่าว??? ให้นึกถึงช้างครับ คือ ช้างป่านั้นตอนมันยังเล็กเป็นลูกช้างอยู่ ควาญช้างไปจับมันมาจากป่าแล้วก็ใช้เชื่อกผูกมันไว้กับเสาไม้ (เชือกคือ link ทีมีอยู่จริงครับ) มันพยายามหนีกลับเข้าป่า ครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามเพื่อจะดึงเชื่อกให้ขาดแต่เพราะมันตัวเล็กจึงไม่สามารถที่จะดึงเชื่อกให้ขาดได้ มันเจ็บปวดจากการดึงเชือกทุกครั้ง จนกาลเวลาผ่านไป มันกลายเป็นช้างโตเต็มวัน มีกำลังมากขึ้นทำ ดึงเชือกให้ขาดได้สบายมาก แต่ก็เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่เคยเลยที่จะเกิดขึ้น จากการสอบถามควาญช้างมากมายกรณีที่ช้างที่ถูกเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ ดึงเชือกขาดแล้วหนีไปนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะช้างมันชินกับความล้มเหลวและเลิกพยายามไงครับ (เกิด missing link คือ “อดีตไม่สามารถดึงเชื่อกให้ขาดได้ ดังนั้นปัจจุบันก็ไม่น่าจะสามารถดึงเชือกให้ขาดได้เหมือนเช่นอดีต ทั้งๆที่ สองเหตุการณ์ไม่ไ้ด้เกี่ยวข้องกันเลย กลายเป็นพันธนาการที่ไม่มีอยู่จริงนั่นเอง” เชือกที่ผูกมันไว้ไม่ใช่เชือกที่ล่ามขามัน แต่เป็นเชือกเส้นที่ล่ามจิตใจมันไว้ = ความล้มเหลวในอดีตของมันต่างหากหละ) มันเชื่อว่ามันไม่มีทางดึงเชือกขาดได้ เพราะตอนมันตัวเล็กมันก็เฝ้าพยายามที่จะดึงเชือกตลอดเวลาแต่ก็ไม่เป็นผล จนมันยอมแพ้ และ กลายเป็นยอมรับที่จะเชื่อว่าไม่มีวันที่มันจะดึงเชือกให้ขาดได้ the elephants’ limits are not real, but exist only in their mind กาลเวลาผ่านไปข้อจำกัดของช้างตัวนั้นเปลี่ยนไป มันแข็งแรงกว่าี่มันคิดมาก แต่ใจที่เลือกจะยอมแพ้ทำให้มันไม่แม้แต่จะดึงเชือกที่แสนจะขาดง่ายดายด้วยกำลังที่มันมี ทั้งที่ใจมันอยากหนีกลับเข้าป่าตลอดเวลา
ช้างโต
คำถามคือแล้วเราจะป้องกันไม่ให้เกิด missing link นี้ยังไง
  • ฝึกเป็นคนโง่อยู่ตลอดเวลา นั่นคือ ต้องอย่าคิดว่าเราฉลาดแล้ว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ มองหาทางที่จะทำสิ่งเดิมๆ ที่เราทำอยู่ให้ดีขึ้นเสมอ ทำตัวให้โง่อยู่เสมอเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  • ฝึกตัวเองให้เป็นคนประสบความสำเร็จ คือ มองว่าสิ่งที่เราทำตรงหน้า สิ่งที่เราเพิ่งทำไป แม้สำหรับคนอื่นมันอาจจะเล็กน้อย แต่ถ้ามันเป็นความก้าวหน้าเล็กๆ ของเราก็สามารถมองว่ามันประสบความสำเร็จแล้วได้ เช่น วันแรกคุณวิ่งได้ 1 รอบสนามแล้วเหนื่อยวิ่งไม่ไหว พรุ่งนี้คุณมาวิ่งอีก แล้ววิ่งไม่ไหวเมื่อผ่านรอบแรกไป 10 เมตร ระยะทางแค่ 10 เมตรที่เกิดขึ้นมานี้ ก็ถือได้ว่าคุณประสบความสำเร็จแล้ว เมื่อเทียบกับเมื่อวาน เพราะสิ่งที่คุณหวังตอนออกมาวิ่ง คือ วิ่งให้ได้อย่างน้อยเท่ากับเมื่อวาน ^___^ สิ่งที่เราทำเต็มที่แล้ว คือ ความประสบผลสำเร็จแล้วของตัวเรา
  • ขยับเป้าหมายให้สูงขึ้นทุกครั้ง อย่าพอใจกับผลลัพธ์เท่าเดิม ครั้งก่อนได้กำไร 5% ครั้งต่อไป ขอซัก 7% ค่อยๆ ขยับเป้าหมายไปเรื่อยๆ เมื่อทำได้ก็มีความสุขกับมัน และ เพิ่มเป้าหมายต่อไป
  • อย่ายอมแพ้อะไร ก่อนที่จะได้ลองพยายามเต็มที่ ตัวอย่างเรื่องช้างด้านบนทำให้เห็นได้ชัดเลย เรื่องการยอมแพ้!
  • ต้องฝึกมีเหตุ มีผลครับ คนที่มีเหตุมีผลจะมีโอกาสน้อยมากกว่าที่จะสร้าง missing link ขึ้นมา เพราะเค้าเข้าใจว่า อะไรที่มันเกี่ยวข้องกัน หรือ ไม่เกี่ยวข้องกัน รู้จักแยกแยะ เหตุการณ์ในอดีตกับเหตุการณ์ปัจจุบันว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือไม่
Missing link ทัศนะคติแย่ๆ ที่เป็นตัวฉุดรั้งคุณไม่ให้เดินต่อไป ให้คุณติดอยู่กับเสาต้นเดิมที่ชื่อความความล้มเหลวครั้งเก่า สภาพจิตใจของคุณนั่นหละครับ ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวในการสร้างธุรกิจออนไลน์ของคุณ ซึ่งมันสามารถป้องกันได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ทัศนคติที่ดี มาดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ ว่า ทัศนคติที่ดีนั้น เป็นอย่างไร
Basic CMYK
มี Affiliate Marketer คนนึง ที่ทำการโปรโมตสินค้า Ebook วิธีลดน้ำหนัก ของ ClickBank.Com (โดนหม้อข้าวใครขอโทษด้วย) ด้วยวิธี Email Marketing โดยที่ มี รายชื่อ Email List ที่พร้อมที่จะส่งข้อมูลสินค้าไปเสนอขาย เอาหละครับ สมมุติ อีเมลย์ ถูกส่งออกไปแล้ว!! หนึ่งวันผ่านไปไวเหมือนโกหก Affiliate Marketer ก็ Log-in เข้าไปเช็คยอดขาย ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดจากการมีสภาพจิตใจทั้งสองแบบจะเป็นดังนี้
1. สภาพจิตใจเชิงลบ Negative Thinking จะทำให้เกิดความคิดหลังจากเห็นผลลัพธ์ในแง่ลบ เช่น
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผลลัพธ์ถึงเป็นแบบนี้”
“ทำไมคนอื่น ๆ ทำได้ดีในการทำตลาดสินค้าตัวนี้”
“บางทีฉันอาจจะไม่ดีพอที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักการตลาดอินเทอร์เน็ต”
“หรือบางทีนักการตลาดคนอื่น ๆ อาจจะมี Email List ที่ดีกว่านี้”
“บางทีผู้เชี่ยวชาญอาจจะพูดถูกที่บอกว่าตลอาดที่ฉันกำลังทำอยู่นั้นยากเกินความที่มือใหม่จะเข้ามาแข่งขันได้”
“เหตุผลอีกมากมายแล้วแต่สมองที่มองในแง่ลบของคุณจะสร้างมันออกมาได้”
2. สภาพจิตใจเชิงลบบวก Positive Thinking จะทำให้เกิดความคิดหลังจากเห็นผลลัพธ์ในแง่บวก เช่น
“ออเดอร์น้อยกว่าที่คาดหวังนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าขายไม่ได้”
“แค่นี้ก็รู้สึกดีมากๆ อยากแชร์ อยากเล่าให้คนอื่นฟังจริงๆ”
“เป็นประสบที่ดีที่อยากเล่าให้คนอื่นฟังจริงๆ”
“หาสินค้าใหม่ที่ดีกว่าตัวนี้มาทำอีกดีกว่า”
thinking
สมมุติ ในสัปดาห์ต่อมา ถ้ามีโอกาสใหม่ๆเข้ามาหาคุณ เช่น มีสินค้าที่ดีมากๆตัวนึงเกิดขึ้น
1. ถ้าคุณเป็น คนประเภท 1 สภาพจิตใจเชิงลบ Negative Thinking คุณจะไม่รู้สึกกระตือรือร้น ตื่นเต้น แต่ จะกังวลกับโอกาสที่เข้ามานี้ (มันจะขายได้จริงเหรอ? เอาไงดีวะ ประมาณว่ายังผิดหวังอยู่ไงครับ) แต่คุณก็จะยังคงจะทำการโปรโมทสินค้าตัวนี้ หลังจากคุณปล่อยโฆษณาของคุณออกไป แล้ว ถ้าปรากฎว่าไม่สามารถขายสินค้าได้เลย จากที่ครั้งแรก คุณผิดหวังไปแล้ว 1 ครั้ง มาเจอครั้งที่ 2 แบบนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้คุณจะยิ่งสงสัยในตัวเองมากยิ่งขึ้น คุณจะรู้สึกว่าคุณค่อยๆ ล้มเหลว เหตุผลต่างๆ เริ่มถูกสร้างขึ้นมาหลอกตัวเอง เช่น Mailing List ของเรามันไม่ดี หรือ เราเข้ามาในตลาดของคุณสายเกินไปที่จะทำกำไรในตลาดนี้ นั่นหละครับ สิ่งเลวร้ายที่สุด ได้เกิดขึ้นกับคุณแล้ว!
เมื่อผิดหวัง พลาดหวัง คนที่ระบบความเชื่อ มีสภาพจิตใจเชิงลบอยู่แล้วจะยิ่งลบไปอีก! (ประเด็นตรงนี้ก็ คือ มันแน่นอนว่าทุกคนต้องผิดหวัง หรือ ทำอะไรแล้วไม่ได้ดังหวัง ผิดพลาดในบางครั้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณเป็นพวกมองโลกในแง่ลบ ทุกๆ ครั้งที่ผิดหวัง ความคิดแง่ลบมันจะยิ่งทำให้ ทุกอย่างของคุณแย่ลง ตรงข้ามกับ ความคิดแง่บวก ที่มันมีแต่จะช่วยคุณ ช่วยให้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมในกรณีที่ผิดหวัง ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่ว่าจะพลาดกี่ครั้งก็จะไม่แย่ลงมีแต่เท่าเดิม) ซึ่งเมื่อผิดหวัง ซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ ความคิดแง่ลบ จะพาคุณไปถึงจุดๆ นึง จุดที่เลิกพยายาม จุดที่เลิกสู้ ใช่ครับ จุดที่คุณกลายเป็นช้างตัวที่ได้อ่านผ่านมาแล้วนั่นเอง ความเชื่อในทางลบที่เกิดขึ้นนี้ เป็นอันตรายต่อคุณอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะพยายามหนักเพียงใด มันก็จะดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
PositiveThinkings
2. ถ้าคุณเป็น คนประเภทีที่ 2 สภาพจิตใจเชิงบวก Positive Thinking หละก็ มีสินค้าออกใหม่เหรอ คุณจะรู้สึกดีใจ และ จะเริ่มเตรียมแคมเปญโฆษณาของคุณอย่างดี เพื่อใช้ในการทำกำไร คุณจะรู้สึกมีแรงกระตุ้นในการทำงาน คุณคาดหวังแค่เพียงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หลักจาก ส่งอีเมลย์ไปแล้ว ถ้าเกิดไม่ได้ดังหวัง ความคิดแง่บวกก็จะช่วยให้คุณรอดจากการแย่ลงไปได้  (ไม่เป็นไรลองวิเคราะห์ดูสาเหตุใหม่อีกทีแล้วลองเริ่มใหม่) แต่ถ้าเกิด คุณทำได้ซัก 4 sale ในรอบนี้ คุณรู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆ ความเชื่อมั่นคุณเพิ่มสูงปรี๊ด สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความมั่นใจที่เกิดขึ้นนี้ และ ทัศนคติแง่บวก ที่ดีของคุณจะช่วยส่งเสริมคุณต่อไปในอาคต (เพราะมันไม่มีใครล้มเหลวในการทำอะไรทุกครั้งไงครับ คนคิดบวกพอทำสำเร็จทีนึงนี่ ใจมันจะมาเลยนะ คือมาเต็ม มือขึ้นว่าง่ายๆ นึกถึงนักฟุตบอลช่วงไหนใจมา ยิงยังไงก็เข้า ช่วงไหนขาดความมั่นใจ หน้าประตูจ่อๆ ก็ทำไม่ได้) จากช่วงเวลานี้คุณอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ในเรื่อง Email Marketing เท่านั้น แต่ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ความเชื่อที่เป็นบวกของคุณ จะช่วยให้คุณค่อยๆเพิ่มผลกำไรขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่ทำธุรกิจ
success_man
จงจำให้ขึ้นใจว่า
ทัศนคติที่ดี คือ สภาพจิตใจเชิงบวกนั่นเอง สภาพจิตใจสภาพจิตใจเชิงลบ มีแต่ทำให้แย่ลงไปเรื่อยๆ เพราะถ้าตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ สภาพจิตใจแย่ หากคุณเริ่มลงมือทำอะไรใหม่ๆ ในช่วงที่อารมณ์เป็นแบบนี้ โอกาสจะได้ผลออกมาแย่มีสูงมากๆ มันยากมากที่จะประสบความสำเร็จด้วยการเป็นคนทีมี ทัศนคติด้านลบอยู่ตลอด จำไว้ว่า สภาพจิตใจเชิงบวก มีแต่จะทำให้คุณเท่าทุน กับ กำไร ไม่มีวันแย่ลง มันจะพาคุณไปสู่สิ่งที่หวัง และ ฉุดคุณให้ลุกเมื่อผิดหวังได้เสมอ
การคิดบวก นั้น ง่ายพอๆ กับการคิดลบ นั่นหละครับ ^___^ เราสามารถฝึกนิสัยเราให้เป็นคนคิดบวกได้ ความสำเร็จที่แท้จริง มีจุดเริ่มต้นจากในความคิดของคุณเอง เหมือนคำพูดที่ว่า “ไม่ว่าคุณคิดว่าคุณทำได้หรือทำไม่ได้ คุณคิดถูกเสมอ”

เทคนิค วิธีหาเงิน $2000/เดือน กับ ClickBank

เทคนิค วิธีหาเงิน $2000/เดือน กับ ClickBank

clickbank-money
กลับมาพบกันกับบทความที่ 2 ของ Passiveincome.in.th นะครับ ใครยังไม่ได้อ่าน บทความแรก อ่านได้ที่นี่ครับเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ ล้มเหลว ในการทำ Affiliate Marketing เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้ เป็นวิธีทำเงินออนไลน์ของคุณ Tvision10 (น่าจะเป็นผู้หญิง) ที่โพสไว้ที่ BHW ตั้งแต่ 10/09/2010 อาจจะดูเก่า แต่ผมว่าความรู้และไอเดีย ของบทความนี้ยังใช้ได้อยู่นะครับ (เพราะผมก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ ^___^)
สินค้าที่ทำเงินให้เค้า คือ สินค้าจาก ClickBank ครับ โดยที่จะเลือกสินค้าที่ เพิ่งออกใหม่ จาก Top Seller (คือ เจ้าของสินค้าที่ดังๆ ที่มีสินค้าติด top ใน Clickbank เยอะๆ)  หรือ เลือกจากสินค้าที่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในการเป็นสินค้าทำกำไร โดยดูจาก ค่า Gravity ที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นของสินค้า ผมคิดว่าตรงส่วนนี้คุณ Tvision10 น่าจะทำการเก็บรายชื่อสินค้าที่เพิ่งออกมาไม่นาน อาจจะเป็นของ Seller หน้าใหม่ที่ยังไม่ดังแล้ว ติดตามเฝ้าสังเกตุค่าตัวเลขต่างๆ ของสินค้าตัวที่สนใจ เป็นระยะเวลานึง เมื่อเห็นว่าสินค้านั้นน่าสนใจก็จะลงมือโปรโมตสินค้าตัวนั้น โดยวิธีArticle Marketing หรือ เขียนบทความ แล้วส่งไปเผยแพร่ยัง Article Site ต่างๆ นั่นเองครับ
Clickbank
รายละเอียดที่จะพิจารณาในการเลือกสินค้า ClickBank มาโปรโมต
  1. The sales copy – เซลย์เพจ ต้องดี น่าเชื่อถือ และ สามารถปิดการขายได้ เนื้อหาด้านในต้องทำให้คนที่เข้ามาอยากซื้อ หลังจากนั้นจึงทำการคาดการ Conversion ของ เซลย์เพจเพื่อใช้เปรียบเทียบกับสินค้าอื่นในหมวดหมู่เดียวกัน
  2. Site design – ดูการออกแบบของเว็บไซต์ ดูมืออาชีพมั้ย ปุ่มกดดูดี โลโก้ และ ปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งผลต่อยอดขาย
  3. Bonus packages – สินค้าใดที่มี โบนัสแจก เพิ่มให้จะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ต้องพิจารณาด้วยว่าโบนัสที่แจกเป็นอะไร ดีมั้ย หรือว่า แค่ไปเอา Ebooks ขยะที่เค้าแจกกันทั่วไปมาแจกต่ออีกที
  4. Price of product – ใช้ common sense ว่าสินค้ามันดูดีและน่าจะเป็นสินค้าที่ดีที่จะขายได้ระยะยาวหรือไม่
  5. Gravity and Keyword competition – ดูค่า Gravity และ การแข่งขันในคีเวิด
You need to start thinking  “quality over quantity” rather than the reverse.
articlejpg
สมมุติเลือกสินค้า จาก Clickbank มา คือ “The Last Traffic Secret” by Kelvin Houghton
ก็จะได้ ชุดของคีเวิดที่เกี่ยวข้องที่เค้าจะนำไปเช็คที่ Google โดยทำการ คาดเดาว่าสินค้าตัวนี้ คนจะค้นหาอะไรบ้างนั่นเองครับ
* The Last Traffic Secret by Kelvin Houghton
* Last Traffic Secret Ecourse
* The Last Traffic Secret – Is It a Scam?
* The Last Traffic Secret Ebook by Kelvin Houghton
* The Last Traffic Secret Ebook Review
ซึ่งสุดท้ายแล้ว จะมีรูปแบบหลักๆ ของ Title 5 แบบของบทความ ดังต่อไปนี้ ที่เธอใช้ในการนำมาเขียนบทความ
“Product Name Ebook Review”
“Product Name by Author Name”
“Product Name + Software”
“Product Name + Ebook”
“Product Name – Is It a Scam?”
article-writer
จากนั้นเธอก็เริ่มทำการเขียน เนื้อหาของบทความของสินค้า (เธอบอกว่าเขียนเอง วันนึงทำประมาณ 3-5 บทความครับ) เธอได้แนะนำในการเขียนบทความว่ามีคนมากกมาย ที่พยายามที่จะใส่ลิงค์มากเกินไป ในบทความ ทำให้บทความนั้นดูเป็นบทความ ที่เป็นสแปมมากกว่าที่จะเป็นบทความดีๆ ทำให้ คนอ่านหนีตั้งแต่เริ่มแรก รวมถึงยังอาจส่งผลให้ Account ของเว็บที่ส่งบทความของคุณโดนปิดไปด้วย คนที่จะซื้อสินค้าส่วนใหญ่นั้น ไม่มีใครไม่อ่านรายละเอียดให้ดีก่อนแน่นอน ดังนั้นถ้า บทความเป็นสแปม คนก็ไม่อยากอ่าน เมื่อไม่อยากกอ่านก็จะไม่เกิดการคลิกไปซื้อสินค้า (ตรงนี้ความเห็นผม มันไม่เป็นแบบนี้กับสินค้าหมวดอื่น ครับ มีบ้างเหมือนกันที่ เนื้อหาไ่ม่ดีแต่ก็ทำให้เกิด Sale ได้)
เนื้อหาที่เธอเขียนก็ง่ายๆ เลยครับ (555+ ฝรั่งมันพูดว่าเขียนบทความง่ายทุกคน เรามันคนไทย ต้องทำใจครับ -”-) โดยพยายามเขียนให้เหมือนกับการเล่าให้ฟังนะ เกี่ยวกับสินค้า เนื้อหาก็มีดังนี้ “รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับสินค้า ใครเป็นคนเขียน เรื่องราวเกี่ยวคนเขียน เช่น ผลงานเก่าๆ ทำไมสินค้าตัวนี้ถึงดีกว่าสินค้าตัวอื่นๆในกลุ่มเดียวดัน สินค้าตัวนี้มีประโยชน์อย่างไรกับผู้ซื้อ”
จากนั้นก็ทำการแทรกลิงค์ 1 ลิงค์ ที่ด้านล่าง แทรกแบบเนียนๆ แบบนี้ครับ (ยกตัวอย่าง ENG ไปเลยนะครับ)
“When it comes to the End, I HIGHLY recommend a wonderful resource called “The Last Traffic Secret” by Kelvin Houghton Check it out!”
earn-money-with-article-writing
วิธีที่กล่าวมานี้ จะทำให้บทความเราดูแตกต่างจาก คนทำบทความคนอื่นๆ ที่ดูพยายามใส่ลิงค์มากเกินไปในบทความ นอกจากตรงจุดนี้แล้ว ุคณยังสามารถใส่ลิงค์ ที่ชื่อของสินค้าในตอนต้นของบทความได้อีก 1 ลิงค์
Note 1: (อันนี้ผมเสริมให้) ให้จำไว้เลยว่าการหากินกับ Article Marketing นั้น สิ่งที่จะทำให้คุณประสบผลสำเร็จนั้น คือ คุณภาพของบทความ ซึ่งต้องพาคนอ่านให้อ่านไปจนถึง พื้นที่สังหาร (ที่คุณทำลิงค์ไปเว็บคุณนั่นหละครับ) พร้อมกับต้องมีการสร้าง สร้างความจำเป็น ที่คนอ่านต้องกดลิงค์ของคุณ เช่น ในเนื้อหาคุณไม่ได้กล่าวถึงเนื้อหาบางส่วน ที่คุณคาดการล่วงหน้าว่ามันเป็นสิ่งที่คนอ่านจะสนใจ หรือ จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้น ก็ ใช้มันเป็นเหยื่อล่อให้คลิกโดยทำเป็นลิงค์เช่น สามารถอ่านเนื้อหา XXX ได้ที่นี่ ^___^
คำแนะนำเพิ่มเติม
  • ทำ Article Marketing อย่าสแปมครับ การมีหลาย Account แล้วส่งบทความเยอะๆ นั้น ไม่มีประโยชน์อะไร คุณภาพของ 1 บทความมีค่ามากกว่า บทความขยะ 100 บทความ และมันยัง เสี่ยงที่จะโดนลบทุกบัญชีที่เกี่ยวข้องกันด้วยหากโดนจับได้
  • อย่ามองแค่สินค้า กลุ่มสำหรับคนทำ IM เช่น Make Money Tools ต่างๆ โลกของ ClickBank กว้างนัก มีสินค้าดีๆ อีกมากมายที่คนทั่วไป เค้าซื้อกัน
  • โปรโมตบทความด้วยตัวเองด้วย อย่ารอแค่ทราฟฟิคจากสวรรค์ (google)  youtube facebook twitter ใช้บ้างฝึกคิดวางแผนให้เป็นระบบ ให้สร้างชุดของ Social Account เฉพาะเรื่องไว้เลย เช่น มี FB เพจที่เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพเป็นของตนเองก็สามารถใช้โปรโมตบทความ ของเราได้ตลอด เมื่อจะทำสินค้าใหม่ในกลุ่มนี้ก็สามารถนำมาโปรโฒตในเพจเราได้เสมอ
  • ใส่รูป Profile ให้น่าเชื่อถือ อย่ามาติส! พวกภาพที่มันไม่ส่งเสริมต่อการขาย อย่าใส่ไป ง่ายๆ คือ ใช้ภาพคนที่ดูดี ฝรั่งใส่สูท โอเคแล้วครับ
  • Article Marketing เป็นสิ่งที่หลายคนหลีกเลี่ยงกันมาตลอดเพราัะมันทำยาก! ซึ่งนั่นหละ คือขุมทรัพย์สำหรับคนที่ทำได้
  • ปัญหาสำคัญ คือ การสร้างบทความดีๆ ซึ่งปัญหานี้ สามรถแก้ไขได้โดย การจ้างเขียนครับ ปัจจุบันมีหลายที่เลยที่มีการเขียนบทความให้เราที่ราคาไม่แพง และ มีคุณภาพดีครับ
Protecting a good investment and making money concept
การทำ ClickBank ด้วย Article Marketing นั้นต้องอาศัยการทำซ้ำแบบนี้ พอสมควรเลยหละครับ ทำไปเรื่อยๆ สะสมบทความไปเรื่อยๆ ซักระยะนึงเมื่อเรามีบทความดีๆ มากถึงจุดนึง ก็จะมีรายได้สม่ำเสมอแล้วครับ และ ยิ่งเลือกสินค้าที่ดีได้เท่าไหร่เราก็จะเหนื่อยน้อยลงเท่านั้น เพราะไม่กี่บทความก็มีรายได้เข้ามาแล้วครับ ใจเย็นๆ ค่อยๆสะสมบทความและทราฟฟิคของเราไป ซึ่งผมมั่นใจเลยนะว่า Articles Marketing ก็เป็นอีก 1 แนวทางที่น่าจะสร้างPassive Income ให้เราได้แน่นอนครับ

วิธีง่ายๆ หาเงินเดือนละ $1000 กับ Amazon Affiliate

วิธีง่ายๆ หาเงินเดือนละ $1000 กับ Amazon Affiliate

How to Make Money - Chalkboard
บทความก่อนหน้านี้ ผมได้นำเสนอ เทคนิควิธีหาเงิน $2000/เดือน กับ ClickBank ไปแล้ว วันนี้เลยเปลี่ยนที่หาเงินกันบ้างดีกว่า พาไป Amazon กันครับ มีเทคนิคหาเงินออนไลน์ด้วย Amazon ที่ง่ายมากๆ จนหลายๆคนมองข้ามวิธีนี้ไป สำหรับผมมันเป็นวิธีที่คลาสสิค พบเห็นได้ทั่วไป ก็นั่นหละครับบางครั้งเทคนิคทำเงินที่หลายๆคนพยายามค้นหา อาจเป็นแค่วิธีแสนธรรมดา อยู่ที่ใครจะมองเห็นหรือไม่เท่านั้น เป้าหมายเดือนละ 30,000 เทียบเป็น $ ก็ $1000 โดยประมาณ เลือกสินค้าดีๆ ทำได้อยู่แล้วครับ
วิธีที่ว่านี้ คือ การใช้ เว็บประกาศ Classified Website ในการหาทราฟฟิคเข้าเว็บของเรานั่นเองครับ ใครไม่รู้จักเว็บประกาศบ้าง? นึกถึง www.craigslist.org เลยครับเข้าใจง่ายดี ในเว็บประกาศ Classified Website จะมีพ่อค้าแม่ค้าคนขายของออนไลน์มากมายมาโพสประกาสขายสินค้าของตัวเองในแต่ละวัน ซึ่งแน่นอนว่า มีคนซื้อแน่ๆ สินค้าที่โพสไปย่อมต้องขายได้แน่นอน (ไม่งั้นเค้าคงเลิกโพสกันไปนานแล้ว) ซึ่งเราก็ใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้ได้เช่นกันครับ โพสลงขายสินค้าไว้ แล้วทำลิงค์มายังหน้าเว็บของเรา หรือ บอกให้คนซื้อมาดูสินค้า รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา
เทคนิคหาเงิน-Amazon-Affiliate-3

ขั้นตอนการทำงานแบบ Step by Step

1. เริ่มวางแผนว่าเราจะขายสินค้ากลุ่มไหน หารายละเอียดสินค้า Product Detail ของสินค้าในกลุ่มนั้นมาเตรียม เพื่อสร้าง Website ที่เหมือนเป็น เว็บที่ให้ข้อมูลของสินค้า (สำหรับติด Text Link หรือ Banner เพื่อให้คนที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราสามารถคลิกเข้าแบนเนอร์ไปดูสินค้าที่ Amazon.com)  ขอยกตัวอย่างเว็บ notebookspec.comที่มี ข้อมูลของ Notebook หลายร้อยรุ่น เราสามารถทำแบบนี้ได้เลยครับ
2. เริ่ม สร้าง Website ของเราครับ ง่ายที่สุดก็ WordPress เลยครับ เลือกตีม และ สีที่เข้ากับเนื้อหา เมื่อได้แล้วก็ทำการใส่ เนื้อหา รายละเอียดของสินค้าทั้งหมดลงไป เว็บที่เราทำนี้ให้จำไว้เลยว่า เราทำเพื่อคนสองกลุ่มครับ คือ
  • คนที่จะเป็นลูกค้า คือ คนที่ตามเข้าเว็บเรามาจากเว็บ Classified หรือ เวบอื่นๆที่เราไปโปรโมตไว้ เราต้องการให้คนกลุ่มนี้ เข้ามาในเว็บและต้องคลิกที่ลิงค์ในเว็บเราออกไปยัง Amazon
  • คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ Amazon ที่เข้ามาตรวจสอบเว็บเราครับ ทำเว็บดี ถูกกฎ ไม่ดูเป็น Spam เราต้องการให้คนกลุ่มนี้ เข้ามาเว็บเราแล้วไม่คิดว่าเราเป็นเว็บสแปม ให้คิดว่าเราทำเว็บส่งทราฟฟิคเข้าอเมซอนธรรมดา
เทคนิคหาเงิน-Amazon-Affiliate-4
3. สมัคร Amazon Affiliate บัญชีใหม่เพื่อนำมาใช้กับ Website ของเรา สำหรับผมประสบการณ์มันสอนมาว่าให้ในทุกครั้งที่เริ่มโครงการทดลอง หรือเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ให้ใช้บัญชีใหม่ในการทำเสมอครับ เพราะเวลาเกิดอะไรกับ Account ขึ้น เช่น มีการโดนแบนเกิดขึ้น ถึงแม้เรามั่นใจว่าเราทำถูกกฎทุกอย่างก็ตาม! มันไม่ได้โดน Account เดียวนะครับ คนที่มีประสบการจะรู้ดีว่าทุก Related Account จะโดนไปด้วยหมด วันเดียว เดือบร้อย Account ที่โดนแบน ยังเคยมาแล้ว ^___^ จำไว้เสมอว่าเราไม่สามารถควบคุมการแบนหรือไม่แบน Account ของ Amazon ได้แต่เราควบคุมไม่ให้มันลุกลามได้ได้
4. เริ่มติดแบนเนอร์ที่เว็บไซต์ของเรา แบนเนอร์ทำเองจะดีที่สุดครับ หรือ ใครไม่แน่ใจก็ใช้แบนเนอร์ต่างๆจากที่อเมซอนเตรียมไว้ให้เราก็ได้ มันจะมีของแต่ละหมวดให้อยู่แล้ว (Trick คือ พวกแบนเนอร์ที่เป็น Special Sale Day ของอเมซอน คนจะคลิกเยอะมากกว่าแบนเนอร์ธรรมดา) ให้ติดตรงจุดพื้นที่สำคัญๆ ในเว็บที่คนมักจะคลิก หลักๆ ก็วางบริเวณพื้นที่ Above the Fold, ที่ sidebar , ด้านล่างโพส ต่างๆเหมือนเลือกพื้นที่ในการติด Google Adsenseเลยครับ
เทคนิคหาเงิน-Amazon-Affiliate-2
5. เริ่มโพสประกาสขายสินค้าที่เว็บ Classified ดูตัวอย่างการโพสได้ที่นี่ครับ ส่วนของ Highlight สำคัญในหน้ามี 2 อย่าง คือ รูปสินค้า กับ รายละเอียดเพิ่มเติม ตรงรูปให้เราใส่ชื่อ Website ของเราไว้ครับ (ขอสมมุติว่าnotebookspec.com เป็นเว็บที่ทำเสร็จแล้วหละกัน) และในส่วนรายละเอียดให้ใส่ url ของเว็บเราไว้ เช่น before contact me please read this link for product detail :http://notebookspec.com/notebook/5602-HP-1000-1418TX.html ลองคลิกที่ลิงค์ดูครับ ในหน้าที่เปิดมา มีแบนเนอร์โฆษณาอยู่เต็มไปหมดเลย เราก็ทำแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่แบนเนอร์ของเรานั้นติดลิงค์ Affiliate ไป Amazon

เทคนิคหาเงิน-Amazon-Affiliate-5
ฟังดูแล้วช่างเป็นวิธีที่แสนธรรมดาจริงๆ ใช่มั้ยหละครับ ให้โพสไปวันละ 10 โพส/1 Classified Web ทำอย่างนี้ สัปดาห์นึงก็เห็นยอด Amazon แล้ว สรุปแล้วก็ เท่ากับเราสร้างเว็บรวมข้อมูลสินค้า ซึ่งมีประโยชน์กับผู้ใช้จริงๆ คนสามารถเข้ามาแล้วค้นหาข้อมูลสินค้าได้ การแปลงทราฟฟิคที่เข้ามาให้เป็นเงินก็ใช้การติด Text Link หรือAffiliate Banner ที่ในเว็บของเรา เนื้อหาที่นำมาสร้างเว็บเป็นเนื้อหาที่คัดลอกของเว็บไซต์อื่นๆมา ทำให้มันเป็นDuplicate Content ซึ่ง Search Engine อาจไม่ปลื้มนัก คือ ไม่ให้เกิดการทำอันดับในผลค้นหา ไม่ต้องสนใจครับ เราไม่ได้หวังคนจาก Search Engine อยู่แล้ว เราหวังคนเข้าเว็บจากการโปรโมททางอื่นครับ ในบทความนี้ ใ้ช้ Classified Website เป็นตัวส่งทราฟฟิค ซึ่งตรงจุดนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้มากมาย มีแหล่งทราฟฟิคมากมายให้เราไปดึงมาเข้าเว็บไซต์ของเรา เช่น Youtube.com Facebook.com เป็นต้น ก็ลองประยุกต์ต่อยอดไอเดียกันดูครับ
— พบกันใหม่บทความหน้าครับ ^___^ —

วิธีหาเงินวันละ $1000 ด้วย Youtube และ Video Website ต่างๆ

วิธีหาเงินวันละ $1000 ด้วย Youtube และ Video Website ต่างๆ

make-money-on-youtube
บทความนี้ ผู้เขียน คือ Mr.HaRRo เขียนไว้ืั้ BlackHatworld ผมอ่านแล้วเห็นว่า มีประโยชน์และสามารถนำความรู้มาต่อยอดได้ เลยทำการแปลมาให้อ่านกันครับ รายละเอียด มีดังนี้ครับ
ขั้นตอนที่ 1 สมัครเป็นสมาชิกของ CPA Network ครับ (แสดงว่ารายได้มาจากค่าคอมจาก CPA) โดยจะทำการส่งทราฟฟิค โดย Youtube โดย CPA Network ที่ แนะนำ คือ MillnicMedia Network หรือ ค้าหาจาก Google ด้วยคีเวิด Best CPA Network , Best CPA Network List
ขั้นตอนที่ 2 หลังจากสมัครผ่านแล้ว ก็เริ่มลงมือคัดเลือก Offer ที่น่าสนใจโดยปกติแล้ว จะเน้นไปที่ “พวก Free Offer” ของสินค้าหรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ ที่กำลังเป็นที่นิยม ต่างๆ เช่น Free iPhone ที่หลายๆคน ทำกันอยู่ ^___^  หลังจากได้ Offer ที่จะโปรโมตแล้ว ให้ทำการตรวจสอบหน้า Landing Page ของ Offer นั้นๆ ด้วยว่ามีการออกแบบที่ดี มี Call to Action และรูปแบบที่น่าจะสามารถ Convert คนเราส่งไปเป็น Lead ได้ (ยิ่ง Landing Page ดีเท่าไหร่เราก็จะได้เงินเยอะเท่านั้น) ตัวอย่างเช่น
best-landing-page-example
ตัวอย่างของ Landing Page ที่ดี คือ มีช่องกรอกข้อมูล ที่ชัดเจน หรือ คนเข้ามาที่เว็บไซต์แล้ว มีทางเลือกแค่ 2 ทาง คือ การกรอกฟอร์ม กับ ปิดเว็บทิ้งไปเลย แบบนั้นหละ “สุดยอดของ Landing Page”!!! ให้หา Offer มาให้ได้อย่างน้อย 3 Offer ทำการ Save URL ของ Offer เหล่านั้นไว้
ขั้นตอนที่ 3 Download โปรแกรมสำหรับแปลงไฟล์ Video เนื่องจากไฟล์ Video ส่วนใหญ่ของ Youtube นั้นเป็น .FLV ซึ่งเราจำเป็นต้องแปลงเป็น .mpeg โปรแกรมชื่อ RIVA flv โหลดได้ที่นี่ www.rivavx.com/?encoder
0005
ขั้นตอนที่ 4 สร้าง Video Clip สำหรับโพสใน Youtube (มี 2 ทางเลือก)
ทางเลือกแรก คือ ดาวน์โหลด Video ของคนอื่น มาแก้ไขเป็นของเรา หา Video จากเว็บไซต์สำหรับฝากไฟล์ Video ต่างๆ เช่น Youtube 4Share (ใช้ Google Video Search) โดย เลือก Video ที่เกี่ยวข้องกับ Offer ที่เราจะทำ เช่น ทำ Offer Free iPhone ก็ไปหา Video ที่ คนที่สนใจ Video นั้นๆ น่าจะสนใจ iPhone เช่นกัน จากนั้นก็ทำการ Download Video นั้นมาที่ โหลดด้วย Firefox Addon หรือ ตัวช่วย Download Youtube ต่างๆ เช่นhttp://dcg.m4v.org
หลังจาก Download Video มาแล้ว ให้ทำการแปลงไฟล์ ด้วยโปรแกรมแปลงไฟล์ Video ที่โหลดมาก่อนหน้านี้ แปลงไฟล์ เป็น “mpeg”
RIVA flv encoder
RIVA flv encoder
ทำการเพิ่มส่วนของการโฆษณาเกี่ยวกับ Offer ที่เราจะโปรโมต มีใส่ชื่อ WebSite เข้าไปในตอนเริ่ม Video ใช้ อาจจะทำเป็นรูปภาพ แล้วใส่เพิ่มเข้าไปก่อนเริ่ม Video ก็ได้ โปรแกรม camtasia , Window Media Maker สามารถช่วยคุณได้!
ทางเลือกที่สอง ในการทำ Video คือการ สร้าง PowerPoint ขึ้นมาก่อน โดยเนื้อหาก็เป็นการนำเสนอหรือโฆษณา Offer ของคุณ จากนั้นใช้ Camtasia อัด Video การนำเสนอ แล้วเซฟออกมาเป็นไฟล์ Video
video converter
ขั้นตอนที่ 5 สร้าง Website หรือ Blog
โดยชื่อของเว็บไซต์หรือบล๊อค ตรงกับชื่อที่เราใส่ไว้ใน Video ไม่ต้องทำเนื้อหาก็ได้ เพราะเราแค่ต้องการจะใช้เป็นตัว Redirect ส่งคนไปที่ Affiliate Link ของ Offer ที่เราจะโปรโมต ทำได้ง่ายๆ โดยใส่ Code ชุดนี้ที่ส่วน header ของเว็บเพจ


ขั้นตอนที่ 6 อัพโหลด Video ขึ้น Youtube หรือ เว็บที่ให้เราโพส Video ได้ ทำ SEO ขั้นพื้นฐาน
- ชื่อไฟล์ Video ที่อัพโหลด ตั้งชื่อให้มี Keyword + คำที่ดึงดูความสนใจต่างๆ
- เลือก Category ที่ตรงกับ Video
- ใส่ Tag และ Description ให้มีคีเวิด
สิ่งสำคัญ ของการหาเงินจาก Youtube คือ PageView ครับ ว่าง่ายๆ ยิ่งมีคนดู Video ของเรามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาส โฆษณาสินค่า หรือ โปรโมตลิงค์ ที่เราต้องการให้คนเข้าไปดู มากขึ้นเท่านั้น พยายามโฟกัสที่เนื้อหาที่เป็นสากล “ไม่ต้องมีคำพูด หรือ ภาษามาบรรยาย คนดูก็เข้าใจได้” เช่น ตกปลา แข่งรถ กีฬาต่างๆ เป็นต้นครับ “เงินทอง หล่นอยู่เกลื่อนกลาด อยู่ที่ใครจะมองเห็น และ สามารถ ก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา”!
เรื่องสำคัญ อีกอย่างที่ห้ามลืม คือ การแสดงโฆษณา หรือ ลิงค์ของเราให้คนดู Video เห็น หลายๆ คนมักจะใช้ Affiliate Link แบบยาวเฟื้อย ในการโฆษณา ใครมันจะไปจำได้ ใครมันจะไปกล้าคลิกลิงค์แปลกๆ! ลงทุนจดโดเมน เลือกที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และ Video เน้นที่จำง่ายๆ มาใช้จะดีกว่า เช่น โปรโมตสินค้าเกี่ยวกับการตกปลา จดโดเมน fishing123.info ( dot info ก็ใช้ได้) แล้วค่อยทำ Redirect เอาครับ ตัวอย่างเช่น
More Info See Here => fishing123.info
More Info See Here => http://hop.clickbank.net/?XXXXX/willmaster
คุณว่าลิงค์ไหน ดูดีกว่า? (อ่านแล้วชอบก็ช่วยกด Like หรือ แชร์ ให้ด้วยนะครับ)
โชคดีมีทราฟฟิคทุกคนครับ
Meaw-IE